Fanfic Daomu: (AU) Midnight[1]

Fanfic Daomu: (AU) Midnight[1]

Rating: PG-15

Paring: เซี่ยจื่อหยาง x อู๋เสีย

Note: เต็มปากเต็มคำว่าเรื้อนน้ำตาไหล…. T v T ว่าแต่เซี่ยจื่อหยางเป็นใครนะ?

*AU : ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องจริง แค่ยกมาแต่ตลค.ในเรื่องค่ะ โปรดวางใจ…เรอะ…*

Warming: มีการสปอยเล่ม2อย่างมาก และตัวละครจากเล่ม3ขึ้นไปอีกนิดหน่อย

.

————————-

.

กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ดินแดนอันแสนรุ่งเรือง ยังมีพ่อค้าสกุลอู๋ผู้มีฐานะมั่งคั่งและแผ่อิทธิพลทั่วเมืองหังโจว เขาเป็นลูกชายคนรองของสกุล คอยดูแลเรื่องราวภายในบ้าน ชายหนุ่มมีหลานชายแสนหวงแหนคนหนึ่งนามว่า อู๋เสีย แม้ตัวเขาจะคอยบ่นอยู่ทุกวันว่าหลานชายไม่ได้เรื่องได้ราวอะไรแต่โดยรวมก็รักใคร่กันดียิ่ง

แต่แล้วต่อมาไม่นาน พ่อค้าหนุ่มโสดและรวยมากเกิดความเหงาหงอยเปลี่ยวเอกาขึ้นในภวังค์จิต เขาจึงตัดสินใจแต่งภรรยาเข้าร่วมบ้านสกุลท่ามกลางความตื่นตระหนกของลูกน้องทุกคนในบ้าน อู๋ซันเสิ่ง ซึ่งใครๆก็เรียกว่าคุณนายสาม นางเป็นแม่ม่ายที่มีลูกติดสองคน  ชื่อของเด็กสองคนนั้นคือ พานจื่อและอ้วนหวัง นับว่าเป็นตัวเลือกที่แปลกประหลาดอย่างมาก

ด้วยเพราะลูกเลี้ยงทั้งสองมีอายุมากกว่าหลานชายของตน เศรษฐีอู๋จึงให้หลานชายของตนนับเด็กทั้งสองเป็นพี่ชาย เมื่อมีสมาชิกในครอบครัวเพิ่มขึ้น ซ้ำอาเลี้ยงและพี่เลี้ยงต่างก็รักและเอ็นดูอู๋เสียมาก สกุลอู๋จึงมีแต่เสียงหัวเราะครื้นเครงด้วยความสุขใจตลอดมา

จนกระทั่งวันหนึ่ง เศรษฐีอู๋เกิดอาการล้มป่วยลง…

หือ เสียมารยาทน่า อารองของเขาไม่ได้ง่อยขนาดนั้นหรอก ถ้าไม่ใช่เชื้อโรคประเภทใช้ล้มคนไปค่อนประเทศก็อย่าหวังจะทำอะไรอาของเขาได้เลย คนอย่างอารองมีรัศมีประเภท…เรียกยังไงดีนะ ทั้งเชื้อโรคทั้งบ๊ะจ่างก็ต้องจูงมือกันวิ่งหนี นั่นถึงจะเป็นตัวจริง ดังนั้นเรื่องล้มป่วยจนเดี้ยงนี่ไม่ใช่อารองแน่นอน

เอาเป็นว่า…เศรษฐีสกุลอู๋เกิดติดการเจรจาทางธุรกิจด่วนจนต้องรีบเร่งเดินทางไปเมืองหลวง เขาจำเป็นต้องทิ้งหลานชายคนเดียวไว้กับแม่เลี้ยงและลูกเลี้ยงเป็นเวลานาน

เพราะเหตุนี้เอง คุณนา… แค่ก อู๋ซันเสิ่งจึงเริ่มมีอิทธิพลรุกควบคุมภายในเขตมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ตัวตนที่แท้จริงของคุณนายสามและพี่เลี้ยงทั้งสองเปิดเผย ทั้งสามคนต่างพากันกลั่นแกล้งอู๋เสียและใช้งานอย่างหนัก ถึงกระนั้นอู๋เสียก็ไม่เคยย่อท้อ เขายังตั้งหน้าตั้งตาต่อสู้กับโชคชะตาต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ….ถุย! บ้านบิดาเอ็งสิ

“เสี่ยวเสีย อาเมื่อยหลังมากเลย มานวดให้อาหน่อยสิ”

“แม่สาม เดี๋ยวผมนวดให้ก็ได้ ไม่ต้องถึงมือนายน้อยหรอก”

“เทียนเจินอู๋เสีย เสี่ยอ้วนอยากไปลงกรวยแถวธิเบตว่ะ”

“เพ้ย! หุบปาก”

.

ขึ้นชื่อว่านายน้อยอู๋เสีย … ไม่ได้ตกระกำลำบากแบบในนิทานขนาดนั้นหรอก ถึงแม้ว่าเนื้อหามันจะคุ้นๆก็ตามที นอกจากไม่ค่อยได้เจอความลำบากแล้ว อู๋เสียยังถูกเลี้ยงดูอย่างสบาย ชนิดอิ่มหมีพีมันเป็นนกในขอบรั้วทองคำประดับหยก อยากจะทำอะไรก็ได้ทำ(แน่นอนต้องยกเว้นลงกรวย…)งานบ้านก็ไม่เคยได้แตะ เรียกได้ว่าแทบจะไม่ให้ยุงได้กัดแมลงได้ตอม อู๋เสียรู้สึกปวดสมองอย่างมาก ทั้งอารองกับอาสามของเขาวิตกมากเกินไปจริงๆ

ในนิทานจะมีอะไรบ้างนะ เขาจำได้ว่าตัวเอกถูกพี่เลี้ยงกลั่นแกล้ง…ก็อาจใช่ เจ้าอ้วนหวังชอบแอบพาเขาไปเที่ยวในที่แปลกๆเสมอ แต่หลังจากนั้นพอกำลังไปได้แค่ครึ่งทางก็จะโดนพี่พานจื่อตามเจอแล้วตำหนิข้อหาทำให้นายน้อยของแม่สามต้องลำบาก ห่างไกลสายตาดูแล ไอ้อ้วนก็ย้อนเถียงว่าถึงจะเทียนเจินอู๋เสียก็ไม่ควรดูแลมากไป แล้วสองคนนั้นก็จะทะเลาะกันใหญ่โตจนทริปหนีเที่ยวเป็นอันโดนล้มเลิกหมด ถูกหิ้วกลับทุกที ทำเอานายน้อยคนดังกล่าวเซ็งจิตมิใช่น้อย

ช่วงวันเวลาแห่งความเบื่อหน่ายของนายน้อยอู๋ค่อยๆไหลผ่านไป กระทั่งในวันหนึ่ง ฮ่องเต้ผีเฉินอาซื่อเล็งเห็นแล้วว่าบุตรชายของตนมีอายุที่สมควรแก่การหาคู่ครองเคียงกาย ดังนั้นฮ่องเต้จึงมีรับสั่งจัดงานเลี้ยงขึ้นอย่างใหญ่โต ให้ทุกผู้คนได้เข้าร่วมงาน หากพระโอรสพึงพอใจสาวงามนางใดก็ให้อภิเษกร่วมเป็นพระชายาเคียงคู่กัน

“มะ ไม่เอาแค่สาวงาม…ไม่ได้หรือเสด็จพ่อ…” องค์ชายพูดเสียงอ้อมแอ้ม เสียงตะกุกตะกักตามนิสัย

ฮ่องเต้บอดไม่เข้าใจองค์ชายเท่าใดนัก ถามกลับด้วยความสงสัย “หา? แล้วจะเอายังไง”

“หาก…ขะ ข้าพอใจหนุ่มรูปงามแทนเล่า” ชายหนุ่มตอบ เริ่มมีสีหน้าคล้ายสาวแรกรุ่นสู่ช่วงละเมอเพ้อฝัน “เสด็จพ่อ ท่านจะเมตตาข้าสักหน่อย..ข้าอยากตามหารักแท้ของข้าให้เจอ..” องค์ชายจื่อหยางเริ่มพูดพล่ามถึงเรื่องรักแท้ในฝันที่ตามหามาเนิ่นนาน ฮ่องเต้ฟังแล้วนิ่งเงียบ ยิ่งฟังก็ยิ่งมึนงง ด้วยไม่ใคร่ได้ฟังเพลงรักเท่าใดนัก จึงจับต้นชนปลายไม่ค่อยถูก แต่เนื้อหาโดยรวมสรุปได้คือเจ้าตัวไม่สนใจเพศ ขอแค่เป็นคนก็พอ ดังนั้นจึงโบกมือปัดๆ เป็นเชิงว่าอยากทำอะไรก็ทำไปเถอะ

สารแจ้งข่าวเรื่องงานเลี้ยงฉลองประกาศไปทั่วหล้า ผู้คนต่างพากันคึกคักตื่นตัวกันใหญ่ ผู้ได้รับสิทธิอันดับต้นๆย่อมต้องมีฐานะและชื่อเสียง ไม่เว้นแม้กระทั่งคนจากบ้านสกุลอู๋ที่อยู่เมืองหังโจว มีหรือที่บรรดาเชื้อสายเศรษฐีตระกูลใหญ่ทั้งเก้าจะยอมพลาดงานเลี้ยงเช่นนี้

อาสามของเขากำลังนั่งเลือกเสื้อผ้าจากกองโตๆเพื่อไปร่วมงานเลี้ยงของฮ่องเต้บอด เมื่อลองถามหาเหตุผลว่าเหตุใดยังต้องไปเอง อายุอย่างอายังกล้าโผล่ไปร่วมงานเลี้ยงหาเมียของชาวบ้านอีกหรือ อู๋เสียก็ได้มะเหงกเขกหัวกลับมาลูกโตๆเป็นคำตอบ

“จะฟ้องอารอง!” ตะโกนงัดไม้ตายขึ้นมา เลยได้มะนาวลูกที่สองบนหัวแทน

อู๋ซันเสิ่งแอบถลึงตามองหลานชายตัวดีที่คิดเจ้นไปฟ้องอำนาจมืด “นี่ฉันไปเพื่อหาคนร่วมธุรกิจ ลูกหมาอย่างแกไม่เข้าใจหรอก” ที่บอกนี่ไม่ได้กลัวอำนาจมืดหรอกนะ ไม่ได้กลัวจริงๆ…

“ถ้าแม่สามไป ผมไปด้วย” พานจื่อผู้รักใคร่มารดายิ่งชีพรีบพูด ทำเอาไอ้อ้วนหวังที่นอนอืดไม่สนใจอะไรเด้งตัวลุกจากโซฟาหนังทันที “เสี่ยอ้วนไปด้วย! เรื่องสนุกแถมมีของกินเสี่ยไม่พลาดแน่นอน”

อู๋เสียนั่งเท้าคางมองตาปริบๆ อ้าว แม่ง ทิ้งกันไปหมดเลย

“งั้นผมไปด้…” ทว่ากำลังอ้าปากพูดได้ครึ่งเดียว สามหน่อก็พร้อมใจกันตะโกนขัดขึ้นซะก่อน

“ไม่ได้!!”

คำปฏิเสธอย่างรวดเร็วทันใจนี้ส่งผลให้สีหน้านายน้อยอู๋ผู้ไม่เคยโดนใครขัดใจเริ่มบึ้งตึง พอถามหาเหตุผลว่าทำไมถึงไม่ได้กลับโดนอาสามและเสี่ยอ้วนมองกลับด้วยสายตาประหลาดเสียอย่างนั้น

พานจื่อรีบเข้ามาพูดไกล่เกลี่ย “นายน้อยครับ ที่นั่นคนคงเยอะมาก ไม่เหมาะที่นายน้อยจะไปเลยครับ”

“เทียนเจินอย่างนายไป ถ้าไม่โดนฉุดลากไปมุมมืดก็คงโดนฝูงคนเหยียบสลบแบนเป็นกระดาษ เสี่ยอ้วนขี้เกียจหามกลับว่ะ” อ้วนหวังพูดเสริม วางมาดขรึมจริงจังยิ่ง มือซ้ายหันไปหยิบหมั่นโถวบนโต๊ะมาคุ้ยแก้มตุ่ย เกาพุงแกร่กๆ

อู๋เสียมองทั้งสองคนที่พากันตัดหนทางเที่ยวเขาอย่างไร้เยื่อใยทิ้งด้วยสายตาหงุดหงิด เลยหันไปทางท่านผู้อาวุโสที่สุดในทีนี้แทน เขาเดินไปบีบนวดไหล่หวังเอาอกเอาใจเต็มที่ เผื่ออาจะใจอ่อน ยอมให้เขาไปเที่ยวบ้าง “โธ่ อาสาม น่านะ ผมสัญญาเลยว่าจะไม่ดื้อไม่ซน จะเดินตามหลังอาอย่างเดียว ไม่วอกแวกแน่นอน” แต่ประโยคหลังขอแอบไขว้นิ้วนิดหนึ่ง

อาสามปรายตามองหลานชายคนเดียวหน่อยๆ พูดถามเสียงนิ่งๆ “แกรู้หรือเปล่าว่างานนี้มีเพื่ออะไร”

อู๋เสียมองงุนงง ไม่เข้าใจว่าอาจะถามย้ำทำไม ในเมื่ออาเป็นคนยื่นจดหมายให้เขาอ่านเองแท้ๆ แต่ถึงกระนั้นก็ยังตอบแต่โดยดี “ก็งานเลี้ยงหาเมี… เอ้ย หาพระชายาให้องค์ชายเซี่ยจื่อหยางไง”

“แล้วแกยังคิดจะไป?” ประโยคถามกลับของอาสามทั้งห้วนทั้งสั้น บ่งบอกให้รู้ว่าคนถามเริ่มมีอารมณ์ขุ่นขึ้นเรื่อยๆ อู๋เสียเลยงงหนักกว่าเดิม ไม่รู้ว่าอากำลังโมโหเรื่องอะไร

“ก็แล้วทำไมล่ะ ไปรอดูหน้าว่าที่พระชายาก็ไม่เห็นเสียหายอะไรนี่?”

ทว่าดูเหมือนคำตอบของอู๋เสียจะไม่ตรงใจท่านอาที่รักยิ่งเท่าใดนัก อู๋ซันเสิ่งตบโต๊ะเล็กดังเปรี้ยงจนแก้วน้ำชาเกือบหล่นลงพื้น ทำเอาอู๋เสียที่กำลังยืนนวดไหล่อยู่ข้างหลังสะดุ้งโหยง รีบถามเสียงสั่น

“อะ อาสาม?”

“พานจื่อ! พาเสี่ยวเสียไปกักบริเวณในห้อง ห้ามออกมาจนกว่าจะหมดเวลางาน!!”

“หา!? อาสาม เดี๋ยว…!”

.

เสียงอึกทึกครึกโครมดังวุ่นวายเสียจนต้องเดินหนีออกมาหาความสงบที่มุมอื่น เวลานี้ภายในวังสุดแสนจะวุ่นวาย งานเลี้ยงใหญ่โตเอิกเกริกเช่นนี้ทำให้อดกระวนกระวายไม่ได้ องค์ชายจื่อหยางมองซ้ายขวาเลิกลั่กไปมา หากไม่ใช่เพราะคนในวังรู้ว่าเขาเป็นใครแล้วล่ะก็ คงดูมีพิรุธน่าสงสัยอย่างยิ่ง

เมื่อมองไม่เห็นบุคคลใดในเขตใกล้เคียง เขาจึงรีบเร่งฝีเท้าเดินหายไปมุมกำแพงอับสายตาทันที

ใกล้ตำแหน่งนั้นมีต้นไม้ใหญ่อยู่หนึ่งต้น อันที่จริงบริเวณนั้นก็มีต้นไม้สูงเต็มไปหมด แต่เซี่ยจื่อหยางก็รู้ว่ามีแค่ตรงนี้เท่านั้นที่พิเศษยิ่งกว่าต้นอื่น ชายหนุ่มคว้าพลั่วพับที่แอบซ่อนไว้ในพุ่มไม้ข้างๆ ลงมือขุดใต้รากไม้ใหญ่อย่างเงียบเชียบ

เนื้อดินอัดแน่นยากกับการขุด ถึงกระนั้นเขายังขุดต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ แม้ว่าเศษดินจะกระเด็นติดชายเสื้อมังกรงดงามก็ตามที ใบหน้าของเขาเริ่มเปื้อนรอยยิ้มจางๆเมื่อเจาะลงไปแล้วรับรู้ถึงความแข็งของวัตถุบางอย่างที่ฝังเอาไว้

เขาหยุดมือ วางพลั่วลงแล้วก้มไปหยิบของที่ฝังเอาไว้ออกมา มันเป็นแท่งโลหะแท่งหนึ่ง ถูกห่อด้วยผ้าสีขาวที่ตอนนี้เปื้อนดินจนแทบกลายเป็นสีน้ำตาลตุ่น มือหยาบกระด้างลูบไล้ไปตามรอยสักของแท่งทองสำริด ดวงตาหลังกรอบแว่นตาฉายแววแอบแฝงความนัยบางอย่าง

“อู๋เสีย…อู๋เสีย ครั้งนี้จะได้เจอนายแล้วนะ”

เซี่ยจื่อหยางทอดถอนใจ น้ำเสียงแฝงความโหยหาราวกับกำลังตกอยู่ในห้วงความอดีตแสนหวาน ทว่าท่ามกลางแสงจันทร์อ่อนจางที่ส่องกระทบกลับทำให้สีหน้าของเขาดูน่าหวาดกลัวเหลือเกิน…

.

TBC.

———————–

……….เปิดตัวบล็อคด้วยฟิคแบบนี้จะดีเหรอเนี้ย แต่ในที่สุดก็เขียนจนได้นะ…..ฮือ

สืบเนื่องจากคุณด้วง D. ผู้พิศาลเรือไม้จิ้มฟันยุยงค่ะ ขอขอบคุณมา ณ ที่นี้นะ…จากตอนแรกที่จะเป็นแฟนฟิคจำเลยรักเวอร์ชั่นบันทึกจอมโจรแห่งสุสานเลยมาเป็นซินเดอเรล่าอู๋เสียค่ะ! #มายังไง? …. อันที่จริงเมื่อเทียบกับหัวข้อแรกแล้วฉันคิดว่าซินเดอเรล่ามันก็ดีกว่าจริงๆนะ

คือคุณD.เสนอพล็อตนี้มาค่ะ

[ “อู๋ริยา ต่างหูกระดิ่งสำริดของฉันหายไปไหน!”

“ค…คุณเขมหย่าง!!”  ]

…..อืม…….

.

(เบลอข้างบนไปค่ะ) ส่วนตัวฉันค่อนข้างอาดูรเซี่ยจื่อหยางมาก ออกบทเล่มสองนี่รวมๆน่าจะเยอะเท่าเสี่ยวเกอออกเจ็ดเล่มเลยมั้ง!(ฮา) ช่วยไม่ได้นะจื่อหยาง ก็เสี่ยวเกอหล่อนี่นา ฉันเป็นเรือผิงเสียนะ แต่เหลาหย่างxอู๋เสียก็ไม่เลว…เอ๋ เหลาหย่างเป็นใครกันนะ? แย่แล้วสิ จำไม่ได้อ่ะ

ถึงฟิคจะเรื้อนแบบงุนงงไปหน่อย แต่ก็ขอฝากเอาไว้ในอ้อมกอดด้วงทุกคนนะคะ♥

Ps. ฉันขอโทษนะพานจื่อ ….ฉันรักนายนะ *ไขว้นิ้ว*

Ps2. หน้าบล็อคมันจัดยังไงเนี้ย!

1 ความเห็น

ใส่ความเห็น